วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2551

Stefan Sagmeister

- ในความคิดของสเตฟาน แซกไมสเตอร์ กราฟฟิกดีไซน์ คือภาษาพิเศษที่มีพลังดึงดูดผู้คนได้ในเวลาอันสั้น ฉะนั้นเขาจึงให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียดของการออกแบบ ตั้งแต่ความหมายไปจนถึงรูปแบบและวิธีการนำเสนอ
- ประสบการณ์และผลงานในชีวิตของเขา
1. การออกแบบเพื่องานดนตรี
2 การออกแบบเพื่อสังคม
3. การออกแบบสำหรับองค์กร
4. การออกแบบให้ศิลปิน
5. ออกแบบอย่างนักประพันธ์
- ในช่วงก่อนปี ค.ศ. 2000 แซกไมสเตอร์ อิงค์ ทำงานออกแบบให้กับอุตสาหกรรมดนตร�เป็นหลัก
- ในช่วงใกล้สิ้นสหัสวรรษที่ผ่านมา แซกไมสเตอร์หันมาให้ความสนใจกับการออกแบบเพื่อสังคมเขาเลือกที่จะหันหลังให้ธุรกิจและอุทิศเวลาหนึ่งปีเต็ม (ปี ค.ศ. 2000) ให้กับการทดลองด้านการออกแบบของตนเองและเพื่อนๆ
- หลังจากปี ค.ศ. 2000 เป็นต้นมา แซกไมสเตอร์กลับเข้าสู่โลกธุรกิจ และแซกไมสเตอร์ อิงค์ ก็กลับสู่ความนิยมอีกครั้ง
- ในช่วงหลัง ๆ เขาใช้ถ้อยคำและภาษาในงานออกแบบมากข�้นแซกไมสเตอร์จดบันทึกเร�่องราวเพื่อย้ำเตือนสิ่งที่คิด และอยากทำอยู่เสมอ ซึ่งข้อความในสมุดบันทึกเหล่านี้เองที่กลายมาเป็นผลงานออกแบบชั้นโบว์แดงเขาในเวลาต่อมา
- Stefan Sagmeister เกิดในปี 1962 ที่เมือง Bregenz ประเทศออสเตรีย ครอบครัว Stefan Sagmeister ทำธุรกิจเกี่ยวกับการออกแบบแฟชั่น
- Stefan Sagmeister ได้เข้าศึกษาในโรงเรียนประจำท้องถิ่นที่เกี่ยวกับวิศวกรรม จากนั้นในปี 1981 Stefan Sagmeister ได้ย้ายไปเรียนกราฟฟิกดีไซน์ที่ Vienna University of Applied Arts จบการศึกษาปริญญาปีชั้น 1 ในปี 1985
- ต่อมาเขาได้เริ่มต้นใช้ชีวีตที่ New York
- ในปี 1987 เขาได้ในทุนการศึกษาเพื่อเข้าไปเรียนที่ Pratt Institute และเขาได้กลับบ้านเกิดที่Vienna อีกครั้งเพื่อรับใช้ชาติเขาได้เกณฑ์ทหารและได้ทำงานในเขตผู้ลี้ภัยและได้ออกแบบโปสเตอร์สำหรับงานเทศกาล Nickelsdorf jazz
- ย้ายไปอยู่ที่ Hongkong ในปี 1991 เพื่อเข้าไปทำงานในบริษัทของ Leo Burnett
- ในปี1992 ได้มีคนมาโต้วิภาควิจารณ์งานประกวดโปสเตอร์ของเขาที่เชื่อว่า bum-bearing 4As
- ในปี 1993 เขาได้กลับไปที่ New York อีกครั้ง เพื่อทำงานกับ Tibor Kalman ที่บริษัทM&Co
หลังจากนั้นอีก6เดือนต่อมา Kalman ได้ปิดบริษัทM&Co ลงไป แต่เขาก็ได้เปิดสตูดิโอของตัวเองขึ้นมา- ในปี 1994 เขาได้คิด Identity ให้บริษัทลูกพี่ลูกน้องของเขาที่ช�่อ Martin’s jeans stores
- เขาได้เสนอช�่อเข้าช�งตำแหน่ง Grammy Award จากปกอัลบั้ม H. P. Zinker’s Mountains of
Madness
-ในปี1995 ก็ได้ร่วมมือกับ David Byrne ซ�่งได้ออกแบบปกอัลบั้มของ David Byrne
- ในปี 1996 เขาก็เร�่มวางแผนทำปกอัลบั้ม set the Twilight Reeling ให้กับ Lou Reedโดยการทำโปสเตอร์ซ�่งเข�ยนเนื้อร้องที่แสดงถึงบุคลิกของวง ผ่านใบหน้าของนักร้อง
- นอกจากนั้นในปีนี้เขาได้รับช�่อเสียงคู่กับงานโปสเตอร์ของ AIGA ที่มีช�่อว่า Fresh Dialogue talks
- ในปี1997เขาก็ได้ออกแบบโปสเตอร์ของ AIGA ที่มีช�่อว่า Headless Chickenและเขายังได้ออกแบบกราฟฟิกสำหรับ David Byrne’s Feelings และ Rolling Stones’ Bridgesto Babylon
- ในปี1999 Sagmeister ได้เอามีดสลักข้อความทั่วตัวของเขา สำหรับบรรยายใน AIGA ที่Cranbrook ใกล้กับ Detroit เพื่อสื่อถึงตัวตน และการทุ่มเททำงานของเขา

- ในปี 2000 Sagmeister ได้หยุดทำงานในปีนี้ เพื่อวางแผนทำงานทดลองงานต่างๆ และในปี2001 เขาก็ได้เปิดสตูดิโอของเขาอีกครั้ง เพื่อจัดพิมพ์หนังสือของเขา ที่มีช�่อว่า “Made YouLook”ซ�่งเป็นหนังสือที่ผู้คนต่างกล่าวขวัญกันอย่างแพร่หลาย
- ในปี 2003 เขาได้ออกแบบโปสเตอร์ Adobe Design Achievement Awardsโดยการนำถ้วยกาแฟมาวางเป็นรูปถ้วยรางวัล

- ในปี 2003 เขายังได้ทำโปสเตอร์ On A Bingeโดยใช้ตัวเองเป็นสื่อว�พากษ์บทบาทของดีไซเนอร์ และการบร�โภคอย่างไม่ลืมหูลืมตา


- ในปี 2004 เขาได้ไปเป็นว�ทยากรที่ Berlin และเขายังได้เผยความลับของ “Trying to look good limits my life” ซ�่งเป็นเร�่องราวในภาพต่างๆ


- ในปี 2005 เขาได้ออกแบบ Boxed Set ที่พูดในหัวเร�่อง Once in a Lifetime ซ�่งได้รับรางวัลจาก Grammy Award และปีนี้เขาก็ไดเออกแบบ กล่องใส่โปสการ์ดให้ the guggenheim museum ที่ Berlin ซ�่งแฝงคติถึงความทะนงตัวโดยการตัวโดยการติดฟอยด์สะท้อนที่ด้านขวาเพื่อสะท้อนอีกคร�่งหนึ่งของคำว่า vanity
- มีงานอื่นๆ ที่ stefan ไม่ต้องใช้ตัวตนตัวเองมาแสดงในผลงานแต่เป็นงานที่ดี และมีผลกระทบต่อสังคม ซ�่งเป็นงานที่ทำเพื่อแสดงความห่วงใยต่อสังคม ซ�่งว่าจ้างโดย เบน โคห์น กับนักธุรกิจชั้นนำคนอื่นๆ ซ�่งตั้งเป้าหมายให้รัฐบาลลดงบประมาณการทหาร 15% แล้วนำไปเพิ่มให้กับงบการศึกษา และสาธารณสุข
- ยังมีงานอื่นๆ ที่ทำด้านสังคมอีก ได้แก่ งาน True Majority แสดงขนาดของงบประมาณเพนตากอน งบการศึกษา และงบช่วยเหลือต่างชาติตามลำดับ รถคันแรกมีธนบัตรเป่าฟุ้งลอยอยู่ข้างใน
- Made you Look เขาทำเพราะความต้องการส่วนตัวของเขา
- หนังสือเล่มนี้ยังเป็นห้องโชว์ผลงานที่บอกเล่าเร�่องราวต่างๆ โดยจะDesign เพื่อลูกค้าก่อนและมีเนื้อหาตามมาทีหลัง
- หนังสือเล่มนี้ยังประกอบไปด้วยข้อคิดและกลอุบายในการมองเห็น ซ�่งทำให้เกิดความน่าสนใจ
- หนังสือเล่มนี้ได้รับ feed back ตอบกลับมาจากแรงบันดาลใจของ Stefan เขาบอกว่าเขาเดินไปเร�่อยๆ แล้วนั่งจ�บกาแฟข้างทาง แล้วนั่งดูผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา หร�อทำ researchนอกจากนี้ สิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัว ก็เป็นแรงบันดาลใจให้กับเราได้กว่าจะมาเป็น Idea?
- ได้คิดเกี่ยวกับ Project จากมุมมองที่สามารถเป็นไปได้ บางอย่างที่ได้มาอาจได้มาจากตัวคุณเอง จากแม่คุณ จากลูกค้า จากสี หร�อจาก font ต่างๆ
- บางครั้งการสร้าง Idea ก็เกิดจากการเข�ยนสิ่งต่างๆ ลงใน card (สิ่งที่เป็นไปได้) แล้วนำมาวางกองรวมบนโต๊ะ แล้วนำมาหาความสัมพันธ์ ถ้าคิดไม่ออกก็ให้ลืมมันไป Idea จะมาเองเมื่อคุณไม่ได้นึกถึงมัน
- พื้นฐานของการออกแบบ คือ คิด , ทำเป็นข้อๆ , ตั้งสมาธ� , พบปะพูดคุยกับลูกค้า ,ฟังเพลง , ดู Sketch book เก่าๆของตัวเอง
- สรุปการทำงานของ Sagmeister
1.เขาคำนึงถึง Concept ของลูกค้าทุกครั้งที่คิดงานเพื่อที่จะนำความต้องการของลูกค้านำไปคิดต่อ
2.เขารวบรวมความคิดและนำมาว�เคราะห์หาแนวคิดที่ดีที่สุดที่สามารถตอบโจทย์ของงานและสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้
3.เขาชอบทำงานที่มีการเล่นกับสายตาเสมอ เขาต้องการให้สะดุดตาทุกครั้งเมื่อมองเห็นในครั้งแรกแล้วชอบที่จะซ่อนอะไรไว้ภายใต้งานของเขา
4.เขามีการวางแผนและมี Sketch เสมอ
5.ชอบใช้ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งกับงานบ่อยๆ เพราะว่าเป็นอะไรที่ง่าย และถูกที่จะนำเอามาใช้
6.Typography ที่เขาใช้ เขามักจะใช้ลายมือตัวเองและสร้างตัวอักษรจากสิ่งต่างๆ เขาบอกว่าเขาไม่อยากถูกครอบงำจาก type faceของคนอื่น
7.เขาชอบที่จะลดลองใช้วัสดุแตกต่างกันไปกับงานของเขา

graphic design that touches people's heart
- กลายเป็นว�ชาสอนที่ School of Visual Arts , Cooper Union และ Kunste ช�่อว�ชา Can design touch someone's heart?
- เขาเคยเข�ยนไว้ในบทความของเขาว่า งานออกแบบที่ดี ควรจะต้องมีองค์ประกอบที่ดี 2 อย่าง คือ การออกแบบที่ดี (good design) กับ จ�ดมุ่งหมายที่ดี (good cause)
- ต้องหาสมดุลระหว่างดีไซน์ที่ดีกับเนื้อหา หร�อจ�ดมุ่งหมาย
- ถ้าไม่ระวังเนื้อหาจะดังกว่าดีไซน์จนไม่ต้องมีดีไซน์ก็ได้
- ในทางกลับกัน ถ้าไม่มีจ�ดมุ่งหมายที่ดีก็ปราศจากดีไซน์ที่ดี
- ซ�่งสนับสนุนคำพูดของ แคเธอร�น แมคคอย " ถ้าดีไซน์สวยแค่ไหน ถ้าไม่มีอะไรพูดก็… "

Sagmeister’s theory
- แซกไมสเตอร์พูดถึงเทคนิคที่เขานำมาใช้ในงานออกแบบบ่อยครั้ง ความน่าสนใจอยู่ที่ว่ามันเกี่ยวข้องกับทฤษฎีการรับสารด้วย“ กราฟฟิกดีไซน์นั้นต่างจากภาพยนตร์และงานเขียนอยู่มาก ผู้รับสารของเราจะสนใจสิ่งตรงหน้าแค่เพียงไม่นาน เหมือนเวลามีคนยื่นนามบัตรให้คุณ คุณจะมองผ่านมันเพียงแวบเดียวเท่านั้น
แล้วก็เก็บใส่กระเป๋า หร�อถ้าเป็นหน้าเว็บไซต์ คุณก็อยู่กับมันแค่นาทีสองนาทีเอง” “ ภายในเวลาสั้นๆ ตรงนั้น เราต้องดึงความสนใจจากผู้รับสารให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นนามบัตร หนังสือ หรืออะไรก็ตาม อาจจะออกแบบให้มันเคลื่อนไหวได้ มีรูปร่างหน้าตาที่ไม่ธรรมดา ทำยังไงก็ได้ให้ผู้คนใช้เวลาอยู่กับผลงานนานข�้นกว่าปกติ จร�งๆ กลเม็ดเร�ยกความสนใจมันก็มีหลายอย่างนะมุขตลกหรือการแกล้งให้ตกใจก็เป็นว�ธ�หนึ่ง แต่สำหรับ ผมแล้วผมชอบให้คนมีส่วนร่วมในการรับชมผลงานของผมมากกว่า ”

ไม่มีความคิดเห็น: